รักษาสิวสเตียรอยด์ ทำได้ด้วยวิธีใดบ้าง?
ไม่วาจะปัจจุบันหรืออดีต ผู้คนมากมายเคยหลงเชื่อครีมกวนที่โฆษณาชวนเชื่อว่าทำให้ขาวใสราวกับแวมไพร์ หรือขาวซีดจนเห็นเส้นเลือด บวกกับค่านิยมชอบผิวขาวทำให้หลายคนหน้ามืดตามัวและหลงเชื่อว่าครีมพวกนี้ใช้ได้เห็นผล โดยไม่รู้สาเหตุว่ามีสารเคมีต่าง ๆ นานา ในปริมาณมากจนเกิดเป็นสิวแดงบวมเป่งทั่วใบหน้า ลำตัว หรือสิวสเตียรอยด์นั่นเอง แต่สาเหตุเกิดขึ้นแค่ครีมอย่างเดียวจริงหรือ และมีวิธี รักษาสิวสเตียรอยด์ อย่างไร
สิวสเตียรอยด์ เกิดขึ้นได้อย่างไร?
หากจะกล่าวว่าสิวสเตียรอยด์นั้นก็ไม่ถูกหมดเสียทีเดียว จริง ๆ แล้วสิวสเตียรอยด์เป็นสิวติดสาร ที่เกิดจากการใช้สเตียรอยด์ทั้ง แบบคือ
- แบบทา (Topical steroids) ส่วนใหญ่เป็นที่รู้จักกับทายาโรคผิวหนัง
- แบบทาน (corticosteroids) เป็นยาต้านการอักเสบลดอาการบวใและช่วยลดรอยแดง ลดการทำงานของแอนตี้บอดี้
- แบบฉีด (anabolic steroids) มีโครงสร้างและออกฤทธิ์คล้ายคลึงกับฮอร์โมนเพศชาย เสริมสร้างกล้ามเนื้อ โดยทั่วไปในปัจจุบันพบได้ในหมู่นักกีฬาที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ
ซึ่งสามตัวนี้ เกิดจากการใช้ในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น หรือใช้ติดต่อสะสมกันเป็นเวลานาน ระบบในร่างกายจึงแปรปรวน ร่างกายหลั่งของเสียออกมาก (เพื่อกำจัดสารสเตียรอยด์ที่มากเกินไป) ไปรวมกับน้ำมันเซบัมบนผิวหน้าจนเกิดการอักเสบของรูขุมขนในระดับเซลล์ ระดับการกระจายตัวการเกิดขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทาหรือฉีดสเตียรอยด์ในบริเวณนั้น ๆ
อาการสิวสเตียรอยด์เป็นอย่างไร
อาการของสิวสเตียรอยด์นั้นจะมี 2 แบบ เรียกว่า อาการสิวสเตียรอยด์จากการใช้ยาภายใน (Steroid acne) และ อาการสิวสเตียรอยด์แบบทา (Steroid rosacea) ตามสาเหตุจากลักษณะการใช้และร่องรอยของโรค
อาการสิวสเตียรอยด์จากการใช้ยาภายใน (Steroid acne)
ยังแยกอาการไปอีก 2 แบบ คือ อาการคล้ายโรคสิว และ อาการคล้ายรูขุมขนอักเสบจากเชื้อรา มีลักษณะเป็นตึ่มหนอง บ้างสลับกับตุ่มอักเสบบวมแดง หรือมีสิวชนิดอื่น ๆ เกิดขึ้นร่วมมาด้วย เกิดได้ทั้งบนใบหน้าและทั่วลำตัว
อาการสิวสเตียรอยด์แบบทา (Steroid rosacea)
มีอาการเป็นผื่นแดงเป็นแผง หรือคล้ายอาการผิวหนังอักเสบ สิวอักเสบเป็นตุ่มแดง บ้างเห็นเป็นเส้นเลือดฝอยสีแดงมากกว่าปกติ ส่วนใหญ่แล้วจะพบบริเวณบนใบหน้า
แต่อย่างไรก็ตาม บุคคลที่กำลังใช้สเตียรอยด์เพื่อการรักษาก็อย่างเพิ่งแตกตื่นกันไป เพราะว่าไม่ใช่สเตียรอยด์ทุกตัวที่ใช้แล้วจะเกิดสิวขึ้นได้ การเกิดขึ้นนั้นยังมีปัจจัยอีกหลาย ๆ อย่างคล้ายกับการเป็น สิวที่หลัง เพราะร่างกายที่เกิดการกระตุ้นนั้นไม่เหมือนกัน
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง หากไม่อยากเป็นสิวสเตียรอยด์!
- ไม่ใช่ใช้สเตียรอยด์ แน่นอนว่าหากคุณไม่ใช้ สิ่งที่กระตุ้นก็จะไม่มีผลกับผิว
- ลดการใช้เครื่องสำอางค์ การใช้เครื่องสำอางค์เสี่ยง้กิดการอุดตันผิวระหว่างวันและสารที่ใส่ในเครื่องสำอางค์เองก็มีส่วนที่จะกระตุ้นให้เป็นสิวสเตียรอยด์
- ลดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เสี่ยงต่อการระคายเคือง เช่น สบู่ถูตัวซึ่งมีค่ากรด-ด่าง ต่างจากผิวหน้า หรือขัดผิวหน้าด้วยเกล็ดหยาบ
- รักษาความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ pH ปานกลาง (5.5) หรือศึกษาการ กดสิว
- ไม่ใช้ครีมที่ไม่ผ่านคุณภาพ ควรซื้อครีมผ่านแบรนด์ที่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือได้เท่านั้น
วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์
ถึงแม้ว่าคุณจะหลีกดลี้ยงมากแค่ไหน แต่หากในชีวิตประจำวันยังต้องเกี่ยวข้องสเตียรอยด์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น เป็นสิว การรักษาจะแบ่งตามรอยโรค 2 แบบดังนี้
รักษาสิวสเตียรอยด์จากการใช้ยาภายใน (Steroid acne)
ในการรักษานี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพราะว่าเกิดขึ้นมาจากปัจจัยภายในที่เกี่ยวข้องกับชีวิต เช่น
ผู้ป่วยหลังจากการปลูกถ่ายอวัยวะ แพทย์มักจะจ่ายยา Corticosteroids ซึ่งเป็นยากดภูมิในร่างกาย ฉะนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้งเพราะเป็นอันตรายถึงชีวิต
ผู้ที่กำลังเร่งสร้างกล้ามเนื้อโดยใช้ Anabolic steroids ควรหยุดยาในทันที เพราะนอกจากสิวที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจแล้ว สเตียรอยด์จะเกิดผลไม่ดีต่อร่างกายในระยะยาว โดยเฉพาะเรื่องของฮอร์โมนที่สูงผิดปกติจนอาจเป็นหมันได้ถาวร
เมื่อทำการหยุดยาแล้ว สิวจากภายนอกสามารถใช้ยาปฏอชีวนะทาเหมือนรักษาสิวปกติ เช่น Benzoyl peroxide, Tetracycline, Retinoids หรือวิตามินเอสังเคราะห์ โดยสามารถรับประทานยาปฏิชีวนะร่วมด้วยได้
รักษาสิวสเตียรอยด์จากการใช้แบบทา (Steroid rosacea)
ในการรักษาแบบทา หากได้ยาสเตียรอยด์มาจากแพทย์ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อลดโดสลงมาหรือเปลี่ยนเป็นยาชนิดอื่นที่ไม่มีส่วนประกอบของสะเตียรอยด์แทน แต่ส่วนใหญ่แล้วอาการสิวสเตียรอยด์แบบทา มักมาในรูปแบบของผู้บริโภคที่ใช้ครีมที่ไม่ได้คุณภาพจนเกิดรอยโรคผิวหนังอักเสบขึ้นมา
ในส่วนองการรักษาสเตียรอยด์ rosacea ควรใช้ยาลดสิวแต้มโดยไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ร่วมกับยา Tetracycline เป็นยาฆ่าเชื้อที่ออกฤทธิ์ครอบคลุมแบคทีเรียหลายชนิด ที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อ ลดตัวไรตามผิวหนัง และร่วมกับมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เนื่องจากยารักษาสิวทำให้ผิวแห้งแดง ลดน้ำมันบนใบหน้าได้
บางคนเกิดอาการเส้นเลือดฝอยแตกบริเวณบนใบหน้า (Telangiectasia) การที่จะรักษาให้หายต้องพึ่งหัตถกรรมเลเซอร์เท่านั้น
การดูแล รักษาสิวสเตียรอยด์
เมื่อรักษาตามรอยโรคแล้ว สิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่ง คือการดูแลผิวจากสิวสเตียรอยด์ให้ไม่ไม่กลับมาพังมีแต่หน้าปังยิ่งกว่าเดิม ซึ่งวิธีการนั้นง่ายมากและทำให้ผิวของคุณดูแข็งแรงขึ้นด้วย
-
งดใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์อย่างถาวร
ข้อนี้สำคัญอย่างมากที่จะป้องกันผิวของคุณไม่ให้เกิดสเตียรอยด์ซ้ำอีก คุณสามารถขอแพทย์ให้ลดปริมาณหรือใช้ยาทาประเภทอื่นได้ภายใต้คำแนะนำที่เหมาะสม
-
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกาย
ผิวที่เป็นสิวสเตียรอยด์นั้นบอบบางและอ่อนแอมาก ดังนั้นการเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดไม่ว่าจะผิวกายหรือผิวหน้า ควรเลือกอย่างอ่อนโยนที่สุด อาจจะเป็นครีมอาบน้ำของเด็กเล็ก ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ พาราเบน ค่ากรดด่าง 5.5 หรือเป็นของแพทย์ผิวหนังโดยเฉพาะ
-
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายหน้า
การใช้แรงขัด ถู ออกแรงในการล้างมากเกินไป จะกระตุ้นให้เซลล์ผลัดผิวไว หรือความลงแรงนั้นทำให้ผิวระคายเคือง และแดงอักเสบขึ้นมา ทางที่ดีควรงดกิจกรรมการผลัดเซลล์ผิว หรือขัดหน้าไปสักระยะใหญ่ก่อน ให้มั่นใจว่าผิวหน้าเริมดีขึ้นจึงกลับมาขัดหน้าได้ตามปกติ เพราะหากไม่ขัดหน้า เซลล์บนผิวหน้าก็สามารถผลัดเซลล์ผิวตายได้ตามปกติอยู่แล้ว
-
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า
เมื่อผิวเกิดการอักเสบ ทำให้หลาย ๆ คนไม่กล้าให้หน้าสัมผัสใดใดนอกจากน้ำเปล่า แต่คุณรู้ไหมว่า การที่ผิวเป็นสิวสเตียรอยด์นั้นยิ่งต้องการบำรุงดูแลเหมือนผิวที่เป็นสิวตามปกติ กล่าวคือไม่ว่าจะหน้ามันหรือหน้าแห้ง ควรทาครีมเพื่อรักษาความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิวที่อักเสบ โดยส่วนผสมให้หลีกเลี่ยงสารสกัดน้ำมัน พาราเบน น้ำหอม และกรด AHA BHA เพราะสิ่งเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้ผิวอักเสบยิ่งกว่าเดิม แต่ให้หาส่วนผสมดังนี้
- Moisturizer complex (ครีมที่ให้ความชุ่มชื้นอนุพันธ์ผสมผสาน)
- Liorice Extract (สารสกัดรากชะเอมเทศ)
- Ceramide (เซราไมด์) เป็นน้ำมันพี่พบด้ในผิวตามธรรมชาติ
- Shea Butter (เชียร์บัตเตอร์ หรือไขมันธรรมชาติจากต้นเชียนัท)
- Centella Asiatica (สารสกัดใบบัวบก)
- Chamomile Extract (สารสกัดจากดอกคาโมมายล์)
- Colloidal Oatmeal (สารสกัดจากข้าวโอ๊ต)
- Green tea Extract (สารสกัดจากใบชาเขียว)
ซึ่งส่วนผสมทั้งหมดนี้มีสรรพคุณต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยยับยั้งการอักเสบบนชั้นผิวหนังเป็นอย่างดี และลดการระคายเคืองช่วยปลอบประโลมจากผิวที่อ่อนแอ
-
ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ
หากผิวปกติที่โดนแสงแดดแล้วยังโดนเผาไหม้และทำลายชั้นผิวได้ง่ายจากรังสียูวี ผิวที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวอย่างนี้ก็ควรได้รับการปกป้องจากแสงแดดเช่นกัน โดยเน้นใช้ครีมกันแดดเนื้อโลชั่นหรือเนื้อน้ำนมที่ซึมไวเข้าผิว และมี SPF 30 PA+++ ขึ้นไป ยิ่งค่า SPF มากเท่าไหร่ ก็จะสามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้นานขึ้น
แต่อย่างไรก็ดี การ รักษาสิวสเตียรอยด์ นั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน เพราะเราต้องทราบสาเหตุที่มาของรอยโรคจึงจะทำการรักษาได้อย่างถูกต้อง ที่สำคัญยังอาจช่วยลด การเกิดสิวอุดตัน ได้อีกด้วย ฉะนั้นบุคคลที่มีอาการสิวสเตียรอยด์ขั้นรุนแรงควรไปพบแพทย์ทันที และควรทำตามที่แพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อ แม้ว่าจะใช้เวลาสักหน่อยแต่สิวสเตียรอยด์นี้หายหมดไปได้อย่างแน่นอน
ที่มา
- 7 ส่วนผสมในสกินแคร์ช่วยต่อต้านการอักเสบ สยบรอยแดงและอาการระคายเคือง. https://vogue.co.th/beauty/7antiinflammatoryingredients
- สิวสเตอรอยด์ แพ้สเตอรอยด์ บทความโดยเภสัชกร. https://www.pharmabeautycare.com/content/5491/
- หมอรามาฯ บอกให้ “ยารักษาสิวใช้อย่างไรให้ดี”. https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/infographic/