ริ้วรอยรอบดวงตา

ริ้วรอยรอบดวงตา จัดการและป้องกันได้ด้วยตัวคุณเอง

1917 0

เรียกได้ว่าดวงตานั้นเป็นเหมือนตัวสื่อความรู้สึกที่ช่วยเสริมเสน่ห์ให้ชวนหลงใหลอย่างมาก อีกทั้งดวงตายังสามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกสดใส เครียด เศร้า มีความสุข เป็นต้น แต่เมื่อเกิดมี ริ้วรอยรอบดวงตา ขึ้นใบหน้าของเรานั้นก็จะดูมีความเครียดตลอดเวลา ซึ่งการเกิดริ้วรอยจะลักษณะมีรอยเหี่ยวย่นบริเวณรอบดวงตา บางครั้งมีอาการบวมเกิดขึ้นอีกด้วย จึงทำให้ใบหน้าของเรานั้นขาดความสดใสหรือดูหมองคล่ำอย่างมาก หากปล่อยเอาไว้เป็นเวลานานก็อาจยากต่อการรักษาทั้งการแพทย์หรือทำด้วยตัวเองที่บ้านก็ตาม ดังนั้นเราจึงควรจะทราบถึงสาเหตุของการเกิดริ้วรอยรอบดวงตาอย่างแท้จริงเสียก่อน เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ซึ่งในบทความนี้เราก็ได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเกิดปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาทั้งหมดมาไว้ในบทความนี้ พร้อมกับวิธีการจัดการริ้วรอยรอบดวงตาที่มีทั้งแบบการรักษาริ้วรอยรอบดวงตาด้วยตัวเองกับการรักษาจากทางคลินิกอย่างถูกวิธี ช่วยให้ปัญหาของริ้วรอยที่รอบดวงตาจะหมดไปหรือเบาลงทันที 


 ริ้วรอยรอบดวงตา เกิดขึ้นได้อย่างไร?

ริ้วรอยรอบดวงตา

การเกิดริ้วรอยรอบดวงตานั้นเป็นสัญญาณเตือนถึงวัยที่เพิ่มมากขึ้น หากขาดการดูแลรักษาก็จะเกิดริ้วรอยขึ้น ยิ่งปล่อยไว้เลานานบวกกับอายุที่เพิ่มมากขึ้น ริ้วรอยเหล่านั้นก็จะมีความลึกขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะให้ได้ชัดเจนอย่างมากเวลาที่ฉีกยิ้มก็จะเกิดรอบขึ้นบริเวณรอบดวงตา ส่งผลให้เรานั้นขาดความมั่นใจในเวลาที่จะฉีกยิ้มจนกลายเป็นคนที่มีใบหน้าดุโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ด้วยปัญหาเหล่านี้เราจึงควรทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดริ้วรอยรอบดวงตาเสียก่อนเพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องที่สุด ซึ่งสาเหตุของริ้วรอยรอบดวงตาจะมีดังต่อไปนี้ 


ผิวขาดคอลลาเจน

โดยสาเหตุแรก ๆ ที่ทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตานั้นจะมักเกิดจากการที่พื้นผิวนั้นขาดคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนนั้นก็คือโปรตีนที่มีลักษณะเป็นเส้นใยทรงเกลียวเชื่อมต่อกันเป็นเส้นยาว โดยในคอลลาเจนนั้นก็จะอุดมไปด้วยกรดอะมิโนหลากหลายชนิด ซึ่งมีหน้าที่ในการยึดเซลล์ของร่างกายให้มีความเต่งตึง หากขาดคอลลาเจนพื้นผิวก็จะมีริ้วรอยเหี่ยวย่นทันที ยิ่งหากเป็นบริเวณที่มีความอ่อนแอหรือบอบบางก็จะเห็นได้ชัดอย่างบริเวณรอบดวงตา จึงสรุปได้ว่าการที่ผิวขาดคอลลาเจนนั้นเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตานั้นเอง


พฤติกรรมส่วนตัว 

พฤติกรรมส่วนตัวนั้นเป็นภัยเงียบส่งผลต่อพื้นผิวรอบดวงตาโดยที่เรานั้นไม่ทันระวังตัว ซึ่งพฤติกรรมส่วนตัวจะมีหลากหลายไม่ว่าจะเป็นการนอนดึกเป็นประจำจนร่างกายไม่มีเวลาได้ฟื้นฟูผิวให้เกิดความสมดุล รวมทั้งการขยี้ตาแรง ๆ ก็จะทำให้ผิวบริเวณรอบดวงนั้นยืดหรือกล้ามนั้นตาหย่อนขึ้นจนเกิดริ้วรอย นอกจากนี้การที่ดวงตาได้รับแสงจากคอมพิวเตอร์หรือแสงจากพระอาทิตย์เป็นเวลานานจะทำให้ตาเกิดความล้าส่งผลให้พื้นผิวบริเวณรอบตามีรอยคล้ำหรือเหี่ยวย่นตาม โดยจะเห็นได้ว่าพฤติกรรมส่วนตัวนั้นมีผลอย่างมากต่อการ ริ้วรอยรอบดวงตาเช่นกัน


อาการภูมิแพ้ 

โดยคนที่มีอาการภูมิแพ้นั้นมักจะเกิดจากร่างกายมีความผิดปกติหรือพันธุกรรมบกพร่อง จึงทำให้ร่างกายมีการตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังส่งผลให้พื้นผิวนั้นแห้งง่าย เมื่อมีสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้มาสัมผัสก็จะมีการเกาหรือขยี้อย่างรุนแรงขึ้น ซึ่งบริเวณที่มักจะถูกสารก่อภูมิแพ้ได้ง่ายก็คือบริเวณผิวรอบดวงตา ไม่ว่าจะเป็นละอองฝุ่น เชื้อโรค ขนสัตว์ เป็นต้น หากมีการขยี้พื้นผิวรอบดวงตาก็จะเซลล์บริเวณดวงตาถูกทำลายจนเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นในที่สุด อาการภูมิแพ้จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตานั่นเอง


จากสาเหตุข้างต้นแล้ว การเกิดริ้วรอยรอบดวงตานั้นเรียกได้ว่าส่งผลการการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก หากใครทำงานที่ต้องใช้หน้าตาเป็นหลักนั้นก็เรียกได้ว่าการเกิดริ้วรอยนั้นส่งผลอย่างมากเพราะกลายจะคนที่ดูมีอายุก่อนวัยอันควร อีกทั้งการเกิดริ้วรอยยังทำให้สีของใบหน้ามีความหมอกคล้ำกลายเป็นคนที่ดูอมทุกข์ ไม่ค่อยมีใครกล้าจะเข้าหาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เราจึงควรรีบรู้ตัวอย่างด่วนว่าสาเหตุของริ้วรอยรอบดวงตานั้นมาจากสาเหตุอะไร พร้อมกับควรได้รับการรักษา วิธีบอกลาริ้วรอยใต้ตา อย่างดูวิธีอีกด้วย เพื่อเพิ่มบุคลิกให้ดูสุขภาพดีและมีความมั่นใจตลอดเวลา


5 วิธีจัดการกับ ริ้วรอยรอบดวงตา ด้วยตัวเอง

ริ้วรอยรอบดวงตา

การจัดการริ้วรอยรอบดวงตานั้นอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่แพงเพราะรอบดวงตานั้นเป็นส่วนที่มีความบอบบางอย่างมาก หากมีการรักษาที่ผิดพลาดก็อาจส่งผลอย่างหนักมากกว่าเดิม แต่หากใครที่กำลังเริ่มเป็นริ้วรอยที่ไม่ลึกมากหรืองบน้อยก็สามารถเริ่มจากการดูแลริ้วรอยรอบดวงตาด้วยตัวเองก่อนได้เช่นกัน ซึ่งการดูแลริ้วรอยรอบดวงตานั้นจะมีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การดูแลรอบดวงตาจากภายนอก วิธีรักษาขอบตาดำ รวมถึงการดื่มน้ำอย่างถูกวิธีอีกด้วย ซึ่งเราก็ได้รวบรวมแนวทางในการจัดการริ้วรอยรอบดวงตามาด้วยกัน 5 วิธีดังต่อไปนี้


1.การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน

ต้องบอกก่อนเลยว่าร่างกายของเรานั้นจะมีส่วนประกอบของน้ำอยู่ที่ประมาณ 70% ดังนั้นร่างกายจึงต้องการปริมาณน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวันเพื่อให้น้ำนั้นเขาไปช่วยสร้างความสมดุลเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นผิว พร้อมยังสามารถช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างดีโดยเฉพาะบริเวณที่บอบบางอย่างรอบดวงตา นอกจากนี้หากร่างกายเราได้รับปริมาณน้ำที่เพียงต่อวันก็จะช่วยให้ผิวนั้นมีความกระจ่างใสมากขึ้นอีกด้วย การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวันจึงเป็นวิธีง่ายสามารถทำได้ด้วยตัวเองและสามารถช่วยซ่อมแซมริ้วรอยรอบดวงตาได้ดีอย่างมากอีกด้วย


2.หมั่นใช้ครีมบำรุงรอบดวงตา

โดยครีมบำรุงรอบดวงตาหรือเรียกอีกอย่างว่าอายครีมนั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะต้องใช้เวลาในการดูแลกับการวิธีการทาที่ถูกต้องด้วย ซึ่งการเลือกใช้อายครีมนั้นควรจะต้องคำนึงถึงสภาพผิวก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมันหรือระดับความลึกของริ้วรอย รวมทั้งการเลือกเนื้ออายครีมก็ควรเลือกตามความชอบหรือสบายต่อหน้าของเราด้วย อย่างคนที่ชอบความสบายเบาบางก็แนะนำให้เลือกใช้เนื้อครีมแบบเซรั่ม ส่วนใครที่อยากได้ความปกปิดแนะนำเนื้ออายครีมที่มีความเข้มข้นเลยเพราะจะช่วยสามารถปกปิดได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้การทาอายควรใช้ขนาดเมล็ดถั่วเขียวเพื่อให้อายครีมนั้นมีความประสิทธิภาพมากที่สุด อีกทั้งการทาอายครีมนั้นควรทาอย่างเบามือเพราะบริเวณรอบดวงตานั้นมีความบอบบางอย่างมาก เพียงเท่านี้ก็จะสามารถจัดการกับริ้วรอยรอบดวงตาได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง


3.ลด ริ้วรอยรอบดวงตา ด้วยสูตรธรรมชาติ

การลดรอยด้วยสูตรธรรมชาติก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตาได้ดีอย่างมาก ทั้งยังหาได้ง่ายเพราะเป็นของที่อยู่ในตู้เย็นอีกด้วย โดยสูตรกันลดริ้วรอยรอบดวงตาด้วยวิธีธรรมชาติจะมีดังต่อไปนี้

  • สูตรมะเขือเทศผสมโยเกิร์ต : โดยสูตรแรกจะเป็นมะเขือเทศผสมโยเกิร์ต ซึ่งตัวมะเขือเทศนั้นจะเป็นพืชที่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ วิตามิน E โปแตสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม กับสารต้านอนุมูลอิสระที่จะสามารถช่วยลดริ้วรอบดวงตากับขจัดผิวที่มองคล้ำออกได้ พร้อมกับเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยโยเกิร์ต ซึ่งจะทำให้ผิวบริเวณนั้นมีความนุ่ม ไม่ระคายเคือง โดยเริ่มจากการหั่นมะเขือเทศเป็นชิ้นเล็ก จากนั้นทำการผสมกับโยเกิร์ตสูตรธรรมชาติ แล้วบดจนเป็นเนื้อเดียวกัน หากใครที่ชอบความสดชื่นแนะนำไปแช่ตู้เย็นก่อนแล้วเอามาส์กไว้ที่บริเวณรอบดวงตาประมาณ 10-15 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ก็จะสัมผัสได้ถึงความชุ่มชื่นและริ้วรอยรอบดวงตาที่กระชับมากขึ้น
  • สูตรน้ำผึ้งผสมแตงกวา : ในการนำน้ำผึ้งเข้ามาผสมกับแตงกวานั้นเป็นสิ่งที่ลงตัวอย่างมาก โดยน้ำผึ้งนั้นจะมีคุณสมบัติในการช่วยให้พื้นผิวบริเวณรอบดวงตานั้นมีความชุ่มชื้น ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตาได้ดีอย่างมาก ในส่วนของแตงกวานั้นจะมีวิตามินซีกับกรดโฟลิก ซึ่งสารเหล่านี้จะช่วยในการกระตุ้นการหมุนเวียนเลือด สามารถลดอาการบวมกับอาการเหนื่อยล้าของดวงตาได้เป็นอย่างดี โดยเริ่มจากการน้ำแตงกวามาหั่นอย่างละเอียดแล้วนำไปบดกับน้ำผึ้ง จากนั้นนำไปมาสก์ไว้บริเวณรอบดวงตาใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที แล้วทำการล้างออกกด้วยน้ำสะอาด ผิวก็จะกลับมาชุ่มชื่น กระจ่างใส ไร้ริ้วรอยมากขึ้น
  • สูตรน้ำมันมะพร้าว : มาต่อกันที่สูตรน้ำมันมะพร้าวที่สกัดเย็นจากมะพร้าวสุดธรรมชาติ ซึ่งน้ำมะพร้าวนั้นจะสามารถช่วยลดอาการผิวที่มีความเหนื่อยล้ากับฟื้นฟูผิวที่มีความหมองคล้ำได้อย่างดี โดยเริ่มจากการนำน้ำมะพร้าวมาทาบริเวณรอบดวงตาบาง ๆ ในช่วงที่เรากำลังเข้านอน เมื่อตื่นมาเราจะรู้สึกสดชื่นอย่างอย่างมาก พร้อมกับได้ผิวรอบดวงตาที่ชุ่มชื่นกับการลดริ้วรอยที่มีความเหี่ยวย่นอีกด้วย
  • สูตรว่านหางจระเข้ : ว่านหางจระเข้นั้นมีคุฯสมบัติที่ช่วยลดอาการบวมของพื้นผิวบริเวณดวงตาได้เป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถช่วยลดริ้วรอยให้หน้าดูอ่อนลงอีกด้วย โดยเริ่มจากการนำว่านหางจระเข้มาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นทำการขูดเนื้อว่านหางจระเข้มาไว้บนสำลีให้ชุ่ม แล้วเอาไปไว้บริเวณเปลือกตาใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที เมื่อครบเวลาก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอย่างเบามือ
  • สูตรถุงชา : โดยถุงชานั้นมีประโยชน์มากมายตั้งแต่การนำไปดื่มเพื่อให้ร่างกายนั้นผ่อนคลาย รวมไปถึงการนำไปวางบนเปลือกตา ซึ่งถุงชานั้นจะสามารถช่วยลดปัญหาอาการใต้ตาที่บวม ทั้งยังสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นของพื้นผิวบริเวณรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี โดยเริ่มจากการนำถุงชาไปแช่ไว้ในน้ำเย็นประมาณ 10-20 นาที แล้วนำมาวางไว้ในบริเวณเปลือกตาซึ่งใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ซึ่งจะสามาถช่วยให้พื้นผิวรอบดวงตานั้นมีความชุ่มชื้นมากขึ้น

4.นวดผ่อนคลายรอบดวงตา

การนวดผ่อนคลายรอบดวงตานั้นจะเป็นการฟื้นฟูผิวบริเวณรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี โดยการนวดผ่อนคลายนั้นสามารถทำได้จากการนวดอย่างเบามือบริเวณใต้ตา พร้อมกับการนำผ้าที่มีความอุ่นมาประคบบริเวณพื้นผิวรอบดวงตา ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือดให้ดีขึ้น ทั้งยังกระตุ้นให้ร่างกายนั้นมีการสร้างคอลลาเจนกับอิลาสตินที่เป็นตัวสำคัญในการช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตาอย่างมาก  การนวดผ่อนคลายรอบดวงตาจึงเป็นวิธีจัดการริ้วรอบรอบดวงตาง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง


5.ทำความสะอาดเครื่องสำอางให้ถูกวิธี

สำหรับคนที่ชอบแต่งหน้าก็คงหนีไม่พ้นการแต่งบริเวณเปลือกตา ซึ่งหลายคนมักจะทำความสะอาดคราบเครื่องสำอางด้วยการใช้สำลีเช็คออก ถึงแม้จะเกิดความสะอาดแต่การเช็คด้วยสำลีนั้นจะทำให้บริเวณพื้นผิวเกิดการเสียดสี ทั้งยังเกิดการระคายเคืองขึ้นจนสร้างริ้วรอยรอบดวงตาโดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นการทำความสะอาดเครื่องสำอางนั้นควรจะใช้คลีนซิ่งในการล้างออก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อคลีนซิ่งแบบออยล์หรือน้ำนมก็สามารถล้างเครื่องสำอางได้อย่างสะอาดเช่นกัน แค่นี้ก็สามารถช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตาด้วยตัวเองได้แล้ว

นอกจากการจัดการริ้วรอยรอบดวงตาด้วยตัวเองจาก 5 วิธีดังกล่าวแล้วก็ยังมีแนวทางอีกมากมายที่จะสามารถช่วยลดริ้วรอยได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ อย่างการเลือกทานอาหารที่จะสามารถช่วยสร้างคอลลาเจนให้กับพื้นผิวได้ แต่วิธีเหล่านี้นั้นก็จะสามารถช่วยลดริ้วรอยสำหรับพื้นผิวที่เกิดริ้วรอยไม่ลึกมาก หากมีปัญหาริ้วรอยที่ลึกมากก็ควรเลือกรับการรักษาตามแนวทางของแพทย์ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหนทางที่ดีอย่างมาก ถึงแม้อาจจะต้องเสียค่าใช่จ่ายแต่รับรองว่าดีกว่าปล่อยให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตาที่ฝังลึกเพราะเราจะกลายเป็นคนที่มีใบหน้าหมองคล้ำ บึ้งตึงไปตลอด


8 วิธีจัดการ ริ้วรอยรอบดวงตา ที่คลินิก 

ริ้วรอยรอบดวงตา

การจัดการริ้วรอยรอบดวงตาด้วยวิธีจากคลินิกนั้นเป็นวิธีที่อาจจะมีค่าใช่จ่ายแต่ก็เหมาะสำหรับคนที่ต้องการรักษาอย่างเร่งด่วนแบบมีความปลอดภัย อีกทั้งใครที่มีริ้วรอยที่ฝังลึกยากต่อการดูแลด้วยตัวเอง การที่เข้ารักษากับทางคลินิกนั้นก็ถือว่าเป็นอีกทางที่จะช่วยรักษาอย่างถูกวิธีเพราะริ้วรอยรอบดวงแต่ละจุดที่เกิดขึ้นนั้นมาได้จากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิต กรรมพันธุ์ที่ยากต่อการดูแลด้วยตัวเอง ซึ่งแต่ละคลินิกก็จะมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญคอยซัพพอร์ตปัญหาอย่างดี พร้อมกับแนะนำวิธีมากมากให้เราได้รักษากันด้วย โดยเราก็จะรวบรวมวิธีจัดการ ริ้วรอยรอบดวงตาจากคลินิกที่มักจะมีมาด้วยกัน 8 วิธีดังต่อไปนี้   


1.การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

มากันที่วิธีแรกอย่างการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา โดยวิธีนี้จะเหมาะสำหรับคนที่กำลังมีปัญหาผิวใต้ตามองคล้ำ เบ้าตาลึก ถุงใต้ตา หรือมีรอยพับใต้ตาที่ก่อให้เกิดริ้วรอยรอบตาในอนาคต ซึ่งทางแพทย์นั้นจะมีการนำฟิลเลอร์มาฉีดให้ โดยในฟิลเลอร์นั้นจะมีสารตัวหนึ่งที่ชื่อว่าไฮยาลูรอนิค แอซิดเป็นสารช่วยเติมเต็มบริเวณชั้นกระดูกที่มีการยุบตัวลง พร้อมกับลดริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี บอกเลยว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเห็นผลเร็วอย่างมากโดยที่ไม่ต้องผ่าตัดใด ๆ อีกทั้งยังสามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ โดยที่ไม่ทิ้งสารตกค้างอีกด้วย


2.การฉีดโบท็อก ริ้วรอยรอบดวงตา

โดยการฉีดโบท็อกนั้นจะเป็นการแก้ปัญหาการเกิดริ้วรอยบริเวณใต้ตา รอยย่นใต้ตา ริ้วรอยหางตา รอยตีนกา ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่มีการขยับบ่อยที่สุดเลยทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย โดยการนำโบท็อกมาฉีดบริเวณใต้ตานั้นจะช่วยให้ลดริ้วรอยได้อย่างรวดเร็ว บางครั้งใช้เวลาเพียง 5-7 วันเท่านั้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสภาพของพื้นผิวกับความลึกของริ้วรอย รวมทั้งยี่ห้อของโบท็อกว่าจะเหมาะสมกับสภาพพื้นผิวหรือไม่ จึงไม่ต้องกังวลเวลายิ้มอีกต่อไปว่าจะเกิดร่องรอยอีก บอกเลยว่าสามารถสร้างความมั่นใจกับเสริมบุคลิกภาพได้ดีอย่างมาก 


3.การยิงคลื่นเสียงสร้างความเต่งตึง

มาต่อกันด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์อย่างการการยิงคลื่นเสียงหรือที่คนส่วนใหญ่จะรู้จักในชื่อHifu Ultrafomer III ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะกับคนที่มีริ้วรอยไม่ลึกมากกับมีผิวที่หน่อยคล้อย โดยการทำ Hifu Ultrafomer III นั้นจะเป็นการนำคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ที่พัฒนามาจากอัลตราซาวด์ตวรจครรภ์นั้นเอง โดยทำการยิงเข้าไปที่ชั้นผิวที่มีการเหี่ยวย่นให้มีความเต่งตึง ดูมีความกระชับมากขึ้นแบบที่ไม่ต้องฉีดเข็มหรือผ่าตัดใดๆ


4.ใช้คลื่นวิทยุกระตุ้นคอลลาเจน

โดยการลดริ้วรอยรอบดวงตาจากคลื่นวิทยุนั้นจะมีการใช้ Thermage ในการส่งพลังงานความร้อนไปยัง Monopolar RF ที่เป็นคลื่นวิทยุชนิดหนึ่ง โดย Monopolar RF จะมีความถี่ที่สูงอย่างมากเลยสามารถลงไปได้ถึงชั้นไขมัน ซึ่งคลื่น Monopolar RF จะไปช่วยกระตุ้นบริเวณที่คอลลาเจนมีการหดให้กลับสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ทั้งยังสามารถช่วยลดการเกิดผิวหนังที่มีความเหี่ยวย่นมากให้กลับมามีความกระชับและไร้ริ้วรอยมากยิ่งขึ้น


5.เลเซอร์ใต้ตาลดริ้วรอย

การเลเซอร์ใต้ตานั้นจะสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนกับอีลาสตินได้ดีอย่างมาก ทั้งยังมีความแม่นยำที่จะสามารถส่งพลังงานไปยังบริเวณที่มีการหมอกคล้ำได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ยังทำให้ผิวบริเวณใต้ตานั้นมีความกระชับ อ่อนเยาว์ ดูมีความธรรมชาติมากขึ้น สำหรับใครที่มีปัญหาผิวมองคล้ำทั้งจากการเป็นภูมิแพ้หรือพันธ์กรรม แนะนำวิธีนี้เลย บอกเลยว่าใช้เวลาน้อย เจ็บน้อย พักฟื้นน้อยอย่างมากอีกด้วย  


6.การฉีดไขมันลดริ้วรอยร่องลึก

มาที่วิธีที่เหมาะสำหรับคนที่มีริ้วรอยค่อนข้างลึก กับคนที่มีอาการแพ้สารต่าง ๆ ง่าย โดยวิธีนี้จะการดูดไขมันของตัวเองที่เป็นไขมันส่วนเกินอย่างบริเวณหน้าท้องกับต้นขา จากนั้นทำการเอามาปั่นเพื่อสกัดเอาสเต็มเซลล์ออกแล้วนำไปผสมกับตัวเนื้อเยื่อไขมันเพื่อให้สามารถเหมาะกับผิวบริเวณใต้ตามากที่สุด โดยจะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ ซึ่งการฉีดไขมันใต้จากนั้นจะเป็นวิธีที่เป็นธรรมชาติอย่างมาก


7.การทำ PRP ลด ริ้วรอยรอบดวงตา

มาต่อกันที่การทำ PRP หรือมีชื่อเต็มว่า Platelet Rich Plasma โดยจะเป็นกระบวนการนำเกล็ดเลือดของเราเองมาช่วยจัดการปัญหาริ้วรอยใต้ตาหรือการเกิดพื้นผิวที่มีความมองคล้ำให้ลดลง ซึ่งเริ่มจากการที่ทางแพทย์นั้นเจาะเลือดของเราประมาณ 20 CC จากนั้นทำการปั่นแยกส่วนให้ได้ตัวพลาสมาที่มีเกล็ดเลือด กับ Growth factor ตัวที่เข้มข้นมา ซึ่ง PRP นั้นจะเข้าไปช่วยฟื้นฟูผิวในบริเวณรอบดวงตาให้มีความกระชับ พร้อมกับกระตุ้นผิวให้มีการสร้างคอลลาเจนออกมาอีกด้วย นอกจากนี้การทำ PRP ยังช่วยลดการอักเสบของผิวได้ดีอย่างมาก ดังนั้น PRP ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีสามารถช่วยลดริ้วรอยได้ดีเช่นกัน  


8.การศัลยกรรมผ่าตัดใต้ตา

ปิดท้ายกันด้วยวิธีสุดท้ายที่บางคนนั้นอาจจะกลัว แต่สมัยนี้ทางการแพทย์นั้นมีวิธีมากมายที่ช่วยลดความเจ็บปวดหรือลดรอยการเกิดแผลเป็นหลังผ่าตัดได้ดีอย่างมาก ซึ่งการศัลยกรรมผ่าตัดใต้ตานั้นจะเหมาะกับคนที่มีริ้วรอยที่ร่องลึกกับการที่มีพื้นผิวบริเวณใต้ตาหย่อนคล้อยหนักอย่างมาก โดยการผ่าตัดจะมีการเอาหนังที่มีความหย่อนคล้อยออก แล้วทำการเย็บให้เรียบเนียนมากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้พื้นผิวบริเวณใต้ตานั้นมีความกระชับกับลดริ้วรอยได้ดีอย่างมาก


สำหรับปัญหาริ้วรอยรอบดวงตานั้นเชื่อว่าไม่มีใครนั้นอยากจะให้เกิดขึ้นกับตัวเองแน่ ๆ เพราะทำให้บุคลิกภาพนั้นดูเกินวัย ทั้งยังอาจลดเสน่ห์ของเราลงอีกด้วย ดังนั้นเราจึงควรทราบถึงสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาอย่างตรงจุด โดยสาเหตุก็มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจากการที่ผิวนั้นขาดคอลลาเจน หรือจะเป็นพฤติกรรมส่วนตัวที่สร้างความเสียหายพื้นผิวรอบดวงตาโดยไม่รู้ตัว รวมทั้งอาการภูมิแพ้ที่สร้างรอยมองคล้ำหรือผิวแห้งจนเกิดการเกากลายเป็นริ้วรอยขึ้น ซึ่งการจัดการของปัญหาเหล่านี้ก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองและคลินิก 


โดยการที่จัดการริ้วรอยด้วยตัวเองนั้นจะมีความธรรมชาติ ใช้งบน้อย ง่าย สะดวก ไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน หมั่นใช้ครีมบำรุงรอบดวงตา ใช้วิธีลดรอยด้วยสูตรธรรมชาติ นวดผ่อนคลายรอบดวงตา ซึ่งปัญหาวิธีเหล่านี้ก็เหมาะสำหรับคนที่ยังมีริ้วรอยที่ไม่ลีกมากกับการที่ต้องการดูแลรักษาผิวให้กระชับหรือชุ่มชื้นตลอดเวลา ส่วนใครที่มีร่องริ้วรอยรอบดวงตาที่ฝังลึกก็อาจจะเลือกใช้วิธีจัดการิอีกหนึ่งช่องทางอย่างการให้คลินิกช่วยดูแล โดยวิธีการที่คลินิกมักจะทำส่วนใหญ่ก็จะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา การฉีดโบท็อกลดริ้วรอย การยิงคลื่นเสียงสร้างความเต่งตึง การใช้คลื่นวิทยุกระตุ้นคอลลาเจน การใช้เลเซอร์ใต้ตาลดริ้วรอย การฉีดไขมันลดริ้วรอยร่องลึก การทำ PRP ใต้ตา การศัลยกรรมผ่าตัดใต้ตา ที่จะสามารถช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตาได้ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่เรานั้นได้นำมารวบรวมนั้นจะมีสาระสำคัญในการช่วยดูแลสุขภาพให้มีความแข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อลดการเกิดปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาที่หลายคนนั้นกังวลให้กลับมามีความมั่นใจสมวัยมากยิ่งขึ้น


อ้างอิง: