ผมร่วงเกิดจากอะไร

6716 0

ผมร่วงเกิดจากอะไร

ผมร่วงเกิดจากอะไร เคยสังเกตไม่ว่าเวลาที่เราอาบน้ำทีไหร่ นอกจากจะมีคราบสบู่ไหลลงท่อแล้วยังตามด้วยกองเส้นผมของตัวเองที่พากันไหลตามลงท่อน้ำไปด้วย สิ่งแรกที่คิดคือ “ผมต้องร่วงเป็นกระจุกแน่ๆ” คงทำให้หนุ่มๆสาวๆหลายคนคงอดกังวลใจไม่ได้ บางคนอายุยังไม่เท่าไหร่แต่ผมกับบางลงไปเยอะกว่าที่ควร หรือบำรุงอย่างดีแล้ว แต่สุดท้ายผมก็ยังคงร่วงแบบไม่ปราณีหนังศีรษะเสียอีก ซึ่งอาจจะมาจากพฤติกรรมที่ทำให้ผมร่วงโดยไม่ทันรู้ตัวก็เป็นได้ มาลองดูกันดีกว่าว่าสาเหตุหลักๆมาจากอะไรกันแน่ค่ะ

คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านต่อเลย คอลลาเจนคืออะไร

  1. สระผมบ่อยจนเกินไป
  • สาวๆหนุ่มๆส่วนใหญ่ที่มีกิจกรรมข้างนอกทุกวัน หรือแม้กระทั่งการออกกำลังกายอาจส่งผลให้หนังศีรษะมันจนอดรำคาญใจไม่ได้ จนทำให้ต้องสระผมทุกๆวัน เมื่อสระบ่อยครั้งเข้าก็ย่อมเป็นสาเหตุให้หนังศีรษะแห้ง ระคายเคือง จนสุดท้ายเป็นรังแค และผมหลุดร่วงในที่สุด
  1. หวีผมในขณะที่ผมเปียก หรือ หวีแรงๆบ่อยๆ
  • สาวๆผมยาวบางคนมักชอบที่จะหยิบหวีขึ้นมาหวีผมทุกๆชั่วโมง หรือหวีทันทีหลังสระผมเสร็จ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้บอกเลยว่าสาวๆอาจจะทำร้ายผมของตัวเองแบบที่ไม่ทันรู้ตัว เพราะการหวีผมบ่อยๆนอกจากจะทำให้เส้นผมหลุดร่วงออกมาแล้ว หวียังไปเสียดสีกับเส้นผมจนส่งผลให้ผมแห้งเสียด้วยเช่นกัน

ผมร่วงเกิดจากอะไร

  1. ผมโดนความร้อนเป็นประจำ
  • สำหรับใครที่ชอบใช้ไดร์เป่าผมเป็นประจำ ไม่เพียงแต่จะทำให้ผมแห้งเสียได้ง่ายแล้ว ยังส่งผลต่อหนังศีรษะแห้ง คัน ทำร้ายน้ำมันบนเส้นผม จนทำให้เส้นผมหลุดร่วงจากหนังศีรษะได้ง่าย ฉะนั้นหากหลีกเลี่ยงการใช้ไดร์เป่าผมไม่ได้ก็พยายามอย่าจ่อไดร์เป่าผมที่บริเวณหนังศีรษะ หรือใช้ไดร์เป่าผมนานจนเกินไป
  1. ทำสีผม ดัด ย้อม กัด โกรก บ่อยเกินไป
  • บางครั้งการเปลี่ยนสีผมบ่อยๆก็ช่วยทำให้สนุกมีชีวิตชีวา แถมยังช่วยเปลี่ยนลุคให้ดูดีมากขึ้น แต่ก็อาจทำให้เจอกับปัญหาผมหยาบกระด้าง แห้งเสีย ชี้ฟู แตกปลาย ไม่ว่าจะฟื้นบำรุงเสียเท่าไหร่ก็ยากที่จะกู้ชีพผมกลับขึ้นมาได้ ต้องรอไว้ยาวแล้วค่อยตัดผมเสียออกทีเดียว เพราะว่าน้ำยาทำสีผมที่มีส่วนผสมของสารเคมีรุนแรงจะตรงเข้าทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะ จนเป็นต้นเหตุให้ผมหลุดร่วงได้อีกด้วย
  1. ชอบทานอาหารรสจัด
  • ทราบหรือไม่ว่าการกินอาหารก็มีส่วนสำคัญของการทำให้เส้นผมหลุดร่วงได้ โดยเฉพาะอาหารรสจัดจะส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูง เส้นเลือดหดตัวลง จนเลือดขึ้นไปเลี้ยงรากผมได้น้อย สุดท้ายก็ทำให้รากผมไม่แข็งแรงจนเกิดการหลุดร่วงได้นั่นเอง
  1. สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
  • การดื่มพวกของมึนเมาอย่างเครื่องดื่มจำพวกแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่เป็นประจำ นอกจากจะทำลายอวัยวะสำคัญๆภายในร่างกายอย่างตับ ไต แล้ว ยังมีผลกระทบไปถึงระบบการไหลเวียนของเลือด เส้นเลือดเกิดภาวะหดตัว และแข็งตัว ไม่มีความยืดหยุ่น จนทำให้การเลือดไหลเวียนได้แย่ลง อวัยวะต่างๆก็จะไม่ได้รับเลือดอย่างเพียงพอ เซลล์ต่างๆก็จะทำงานได้แย่ลง เช่น เซลล์ผิวหนัง รูขุมขน ก็จะไม่แข็งแรง จนเป็นสาเหตุให้ผมขาดหลุดร่วงในที่สุด
  1. ความเครียด
  • บางทีผมร่วงเยอะๆผิดปกติ อาจจะนึกไม่ออกว่าเกิดมาจากสาเหตุอะไร ลองศึกษาพฤติกรรมของตัวเองดูว่า ในช่วงที่ผมร่วงมากๆนั้น สาวๆหรือหนุ่มๆกำลังมีความเครียดหรือกังวลใจอะไรบ้างหรือปล่าว ซึ่งหากเกิดความเครียดมากๆก็อาจจะส่งผลให้ผมร่วงได้เช่นกัน
  1. ตั้งครรภ์
  • เวลาที่ผู้หญิงเราตั้งครรภ์ลูกน้อยในท้องก็มีส่วนทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งอาจทำให้สาวๆบางคนมีอารมณ์ฉุนเฉียว เครียด วิตกกังวล จนเป็นเหตุให้ผมร่วงมากขึ้นกว่าปกติ แต่อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์หรือบางคนอาจยาวเลยไปจนกระทั้งหลังคลอดได้ไม่นาน หากสาวหมั่นดูแลเส้นผมเป็นอย่างดีก็อาจจะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้
  1. กรรมพันธุ์
  • สาวๆคนไหนที่คิดว่าดูแลเส้นผมของตัวเองเป็นอย่างดีแล้ว ทั้งบำรุง ทะนุถนอม ทุกวันแต่ผมก็ยังหลุดร่วงอยู่บ่อยๆ ลองสอบถามคนในครอบครัวดูว่า มีใครผมร่วงบ่อยๆเหมือนกันหรือในบางคนอาจจะมีหัวล้านร่วมอยู่ด้วย ให้สันนิษฐานเลยว่าน่าจะมาจากกรรมพันธุ์ของคนในครอบครัว
  1. กินอาหาร หรือ ไดเอท ผิดวิธี
  • หากสาวๆคนไหนที่กำลังอยู่ในช่วงไดเอทด้วยวิธีผิดๆ อย่างเช่น การอดอาหารหรือเลือกกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ก็จะส่งผลให้ร่างกายของเราขาดสารอาหาร หรือวิตามินสำคัญๆเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผมร่วงได้ง่ายเช่นกัน

คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านต่อเลย ต่อขนตาดีไหม???

แน่นอนอยู่แล้วว่าผมร่วงเป็นปัญหาหนักอกหนักใจของใครหลายคน แต่ทว่าหากยิ่งกังวลมากเกินไปก็อาจจะยิ่งส่งผลให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น ฉะนั้นถ้าใครกำลังเผชิญกับปัญหาผมหลุดร่วงกองโต วันนี้เรามีวิธีมาแนะนำสำหรับคนที่ไม่รู้ว่าผมร่วงแล้วจะแก้ปัญหาอย่างไรดี รับรองว่าเป็นวิธีแบบธรรมชาติไม่ต้องเจ็บตัว หรือเสียเงินแพงๆในการรักษาอีกด้วย

  1. ตัวช่วยอันดับหนึ่งต้องน้ำมันมะกอก
  • ถ้าพูดถึงเรื่องการบำรุงเส้นผมต้องยกให้น้ำมันมะกอกมาเป็นอันดับหนึ่ง เพียงแค่สาวๆนำน้ำมันมะกอกมาหมักไปที่เส้นผมก่อนสระประมาณ 15 นาที ก็จะทำให้ผมเงางามและไม่ขาดได้ง่าย สรรพคุณของน้ำมันมะกอกยังช่วยกำจัดสารพิษรวมทั้งทำให้เส้นเลือดที่ไหลเวียนอยู่บริเวณหนังศีรษะไหลเวียนได้ดีขึ้น
  1. เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการนวดศีรษะ
  • เวลาที่เรารู้สึกตึงเครียดการนวดศีรษะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายลงได้ แถมยังช่วยกระตุ้นเรื่องของระบบการทำงานบริเวณเส้นเลือดบนหนังศีรษะ ทำให้ผมเส้นใหม่งอกขึ้นได้สลวยสวยงาม โดยการนวดก็แค่ใช้มือเปล่านวดหรือจะใช้ตัวช่วยอย่างน้ำมันมะกอก,น้ำมันมะพร้าว ก็ได้ เพราะการนวดจะช่วยทำให้เส้นผมซึมซับเอาน้ำมันบำรุงผมเหล่านี้เข้าไปยังหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี
  1. หลีกเลี่ยงการทำร้ายเส้นผม
  • สาวๆหลายคนอาจจะละเลยให้ความสำคัญในการบำรุงผมด้วยครีมนวด หรือยอมเสียเวลาสักประมาณ 15 นาที เพื่อหมักผมด้วยทรีเมนท์ต่างๆ ฉะนั้นวิธีที่ทำได้ไม่ยากก็คือควรพยายามหลีกเลี่ยงการกระทำทุกรูปแบบที่มีส่วนทำร้ายเส้นผม ทั้งการ หนีบ ไดร์ ม้วนลอน หรือการใช้สเปรย์ฉีดผมที่มีแอลกอฮอล์ผสม เพราะสิ่งเหล่านี้จะดึงออกซิเจนที่อยู่ในเส้นผมออกไป ส่งผลให้รากผมอ่อนแอ เป็นสาเหตุให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่ายกว่าปกติ
  1. เป่าผมให้แห้งทุกครั้ง
  • ทราบหรือไม่ว่าเวลาที่เส้นผมเราเปียกชื้นนั้นจะเป็นช่วงที่เส้นผมของเราอ่อนแอมากที่สุด เพราะหนังกำพร้ายังคงเปิดอยู่ ฉะนั้นหากเราหวีผมหลังจากสระผมเสร็จใหม่ ก็จะทำให้ผมขาดหลุดร่วง แนะนำว่าให้นำผ้าขนหนูมาเช็ดเบาๆ หรือจะใช้เป็นไดร์เป่าผมเปิดลมอ่อนๆค่อยๆเป่าให้ผมแห้ง เพื่อรักษาหนังกำพร้าบนศีรษะไม่ให้เกิดความเสียหายได้
  1. แลกผมเสียกับสีผมสวย
  • เชื่อได้ว่าสาวๆหลายคนคงจะเคยผ่านการทำสีผมทั้งกัด โกรก ย้อม ผมกันมาไม่มากก็น้อย แต่นอกจากความสวยที่ได้แล้ว เรายังจะได้ผมแห้ง แตกปลาย และหลุดร่วงเยอะกว่าปกติมาเป็นของแถมอีกด้วย นั่นเป็นเพราะยาย้อมผมมักจะมีสารเคมีต่างๆมาเป็นส่วนประกอบ เช่น แอมโมเนีย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ โดยสารเคมีเหล่านี้จะเข้าไปทำให้เกล็ดเส้นผมเปิด เพื่อจะได้เปลี่ยนสีผมของเราให้ได้สีตามที่ต้องการ แต่ถ้าสาวๆคนไหนอดใจไม่ไหวที่จะเปลี่ยนสีผม แนะนำว่าควรเว้นระยะเวลาไว้สัก 3 เดือนก่อน ค่อยเริ่มทำใหม่อีกครั้ง ปล่อยเวลาให้ผมได้รับการฟื้นฟูและพักหนังศีรษะก่อนจะดีกว่า
  1. สระผมให้ถูกวิธี
  • การสระผมอาจจะเป็นเรื่องใกล้ตัวที่คิดว่าเป็นเรื่องง่ายๆที่ใครหลายไม่เห็นความสำคัญ แต่ทราบหรือไม่ว่าเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผมของเราขาดหลุดร่วงได้  ซึ่งการสระผมที่ถูกวิธีจริงๆคือ ควรจะสระผมวันละครั้งหรือวันเว้นวัน และในช่วงระหว่างที่สระผมอยู่ก็ไม่ควรเกาหนังศีรษะแรงเกินไป ให้เปลี่ยนมาเป็นการนวดด้วยปลายนิ้วของเราเบาๆ นอกจากนั้นให้ดูเรื่องของอุณหภูมิน้ำ เพราะถ้าเย็นไปก็จะทำให้เส้นผมเปราะแตกหัก หรือ ร้อนไปก็จะทำลายรากผมอีกเช่นกัน
  1. อยู่ในที่ร่มปลอดภัยที่สุด
  • แสงแดดตัวการของการทำลายทุกอย่างไม่ใช่แค่ผิวหนัง ยังรวมทั้งเส้นผมของเราด้วย เนื่องจากรังสียูวีจะเข้าไปลดความชุ่มชื้น และทำร้ายสารเคลือบเส้นผม จนเป็นผลให้ผมแห้งกรอบ แตกหัก หลุดร่วงได้ง่าย เพื่อเป็นการป้องกันเส้นผมแนะนำว่าพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดตรงๆ โดยเฉพาะในช่วงบ่ายโมงเพราะเป็นช่วงที่อันตรายที่สุดเลยล่ะ

ผมร่วงเกิดจากอะไร

  1. กินอาหารดีมีประโยชน์
  • บางครั้งการบำรุงแค่ภายนอกอาจจะไม่เพียงพอ ควรต้องบำรุงไปถึงภายในด้วย โดยก่อนที่จะรับประทานอะไรควรเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม อาทิ ผักใบเขียว งาดำ ไข่แดง เมล็ดบัว เนื้อสัตว์ ตับอ่อน ธัญพืชชนิดต่างๆ เป็นต้น อาหารเหล่านี้เป็นแหล่งรวมของธาตุเหล็ก  วิตามิน และโปรตีน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผมทั้งนั้น
  1. คาเฟอีนและนิโคตินก็เป็นตัวการสำคัญ
  • ทั้งสารพิษจากบุหรี่ และคาเฟอีนในชา/กาแฟ เป็นตัวการสำคัญต่อการขัดขวางระบบไหลเวียนเลือดในร่างกาย และยังทำให้เส้นเลือดหดตัว ไปขวางทางออกซิเจนและสารอาหารต่างๆที่เข้าไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆรวมทั้งเซลล์เส้นผมของเราด้วย จึงเป็นเหตุให้ผมหลุดร่วงได้ง่าย
  1. ทำจิตใจให้ผ่อนใส ไม่เครียด
  • การแก้ปํญหาเรื่องของผมร่วงที่ควรทำก่อนเป็นอันดับแรกก็คือ ขจัดความเครียด หากเมื่อไหร่ที่เริ่มรู้สึกตัวว่าสะสมความเครียดเอาไว้ในตัวมาก ก็ให้ปรับเปลี่ยนไปหากิจกรรมสนุกๆทำ ปล่อยใจให้สบายๆ อย่าไปคิดเรื่องอะไรเยอะแยะ เพราะความเครียดไม่ได้แค่ทำให้ผมหลุดร่วงเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดโรคอื่นๆตามมาอีกไม่น้อยเลยทีเดียว

หวังว่า 10 วิธีข้างต้นเป็นวิธีง่ายๆที่จะช่วยให้สาวๆหนุ่มๆสามารถแก้ปัญหาผมร่วงลงไปได้ แต่ทว่าใครทำตามครบทุกข้อแล้ว แต่ผมก็ยังหลุดร่วงไม่น้อยลงกว่าเดิม อาจจะต้องวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงว่ามาจากอะไรกันแน่ เพราะบางครั้งอาจเป็นที่กรรมพันธุ์ ฮอร์โมน หรือมาจากผลข้างเคียงที่ได้รับจากยารักษาโรคบางตัว ซึ่งหากเป็นในข้อนี้แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญน่าจะตรงจุดและปลอดภัยมากที่สุดค่ะ