ขอบตาดำรักษา

ขอบตาดำรักษา อย่างไรดี ? รวมวิธีแก้ตาคล้ำให้หน้าดูกระจ่างใส

3893 0

ขอบตาดำรักษา อย่างไรดี ? รวมวิธีแก้ตาคล้ำให้หน้าดูกระจ่างใส

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเจอกับปัญหาขอบตาดำกันมาบ้าง เมื่อนึกถึงสาเหตุส่วนมากจะคิดว่าเป็นเพราะนอนดึกหรือพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ขอบตาดำ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วอาการขอบตาดำไม่มีได้เกิดจากการนอนไม่พอเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายสาเหตุที่ทำให้ขอบตาของคุณดำ ซึ่งวันนี้เราจะดูกันว่าอาการขอบตาดำมีสาเหตุและวิธีการดูแล ขอบตาดำรักษา อย่างไรให้กลับมาเป็นปกติได้


ขอบตาดำเกิดจากอะไร

ขอบตาดำรักษา

อาการขอบตาดำเป็นหมีแพนด้ามักเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เกิดจากหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ซึ่งสามารถพบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยสาเหตุที่ทำให้ขอบตาดำมีดังนี้

  1. อายุ ผิวหนังบริเวณใต้ตาเมื่อมีอายุมากขึ้น ปริมาณคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิวจะลดน้อยลง ทำให้ผิวบริเวณนี้บางจนสามารถสังเกตเห็นเส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิว ทำให้มองเห็นเป็นสีดำคล้ำดูเหมือนขอบตามีสีดำรวมถึงทำให้เกิด ริ้วรอยรอบดวงตา ได้
  2. การพักผ่อนไม่เพียงพอ คนที่นอนน้อยจะทำให้ผิวหนังบริเวณใต้ตามีสีซีดและดวงตาแลดูลึกลงไปในเบ้าตา ทำให้สังเกตเห็นสีดำของเส้นเลือดที่อยู่ใต้ตาชัดเจน ซึ่งอาจมีอาการตาบวมร่วมกับอาการขอบตาดำได้ 
  3. อาการภูมิแพ้  คนที่เป็นโรคภูมิหากเกิดอาการจะมีการหลั่งสาร histamine ที่ทำหน้าที่ทำลายเชื้อแบคทีเรียที่เข้ามาสู่ร่างกาย ซึ่งสารนี้จะทำให้เกิดเส้นเลือดที่บริเวณใต้ตาเกิดอาการระคายเคืองและขยายตัว ทำให้สังเกตเห็นได้ชัดเจนกว่าปกติ จึงเกิดเป็นรอยคล้ำใต้ขอบตา 
  4. ใช้งานหนัก คนที่ใช้ตาในการเพ่งหน้าจอคอมหรือหน้าจอมือถือติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้ดวงตาเกิดความล้าและทำให้เส้นเลือดใต้ตาเกิดการขยายตัวเป็นรอยคล้ำใต้ตาได้ 
  5. พันธุกรรม อาการขอบตาดำที่เกิดการจากที่เม็ดสีผิวบริเวณใต้ตามีการผลิตออกมามากกว่าผิวบริเวณอื่น ทำให้ผิวบริเวณใต้ตามีสีเข้มกว่าผิวส่วนอื่น ทำให้เวลามองไปจะมีลักษณะคล้ายกับขอบตามีสีดำ ซึ่งลักษณะแบบนี้จะเป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่นได้ 
  6. ความเหนื่อยล้า: การไม่ได้นอนพักเพียงพออาจทำให้ขอบตาดำ
  7. การบวม: การสะสมของน้ำใต้ผิวหนังอาจทำให้ขอบตาดำ
  8. ความผิดปกติของหลอดเลือด: การขยายของหลอดเลือดใต้ผิวหนังอาจทำให้ขอบตาดำ

การดูแลขอบตาดำสามารถทำได้โดยการปรับพฤติกรรมเช่น การนอนพักเพียงพอ, ลดความเครียด, ดื่มน้ำเพียงพอ, และรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน นอกจากนี้ยังสามารถหาวิธีรักษาที่เหมาะสมในการดูแลผิวและลดขอบตาดำ หากคุณเป็นห่วงเกี่ยวกับขอบตาดำ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อคำแนะนำในการรักษาและวิธีดูแลที่เหมาะสม จะเห็นว่าสาเหตุของอาการขอบตาดำมีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง ซึ่งการที่เราเป็นว่าขอบตามีสีดำ เนื่องมาจากเส้นเลือดบริเวณใต้ขอบตามีการขยายตัวหรือผิวหนังบริเวณดังกล่าวบางตัวลง ทำให้สังเกตเห็นสีของเส้นเลือดนั่นเอง ไม่ได้เป็นเพราะผิวหนังเกิดการเปลี่ยนสีเหมือนอย่างที่หลายคนคิดกัน


ขอบตาดำ รักษาได้ด้วยวิธีไหนบ้าง

ขอบตาดำรักษา

อาการขอบตาดำที่เกิดขึ้นสามารถทำการรักษาได้ด้วยการรักษาที่สาเหตุของอาการขอบตาดำ เพราะการรักษาที่สาเหตุจะช่วยให้อาการขอบตาดำหายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการรักษาโดยรวมจะมีวิธีการดังนี้

  1. นอนให้เพียงพอ การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ใช่ว่าให้นอนนาน 8 ชั่วโมงต่อเนื่องเท่านั้น แต่การนอนจะต้องเป็นการนอนที่มีประสิทธิภาพด้วย นั่นคือ นอนหลับสนิท ไม่นอนหลับๆ ตื่นๆ ติดต่อกันอย่างน้อย 5-8 ชั่วโมงก็ถือว่าเป็นการนอนที่เพียงพอต่อร่างกายแล้ว
  2. ใช้ครีมบำรุงขอบตา บริเวณขอบตาควรใช้ครีมบำรุงผิวสำหรับขอบตาโดยเฉพาะ เนื่องจากผิวบริเวณใต้ตาจะสามารถดูดซึมสารอาหารได้น้อย ดังนั้นจึงต้องใช้ครีมที่มีความเข้มข้นสูงเข้ามาช่วยบำรุง ดังนั้นก่อนที่จะทาครีมตัวอื่นหรือก่อนแต่งหน้าควรทาครีมบำรุงใต้ดวงตาก่อนทุกครั้งเพื่อให้ผิวบริเวณใต้ดวงตาแข็งแรง รวมถึง ครีมกันแดด เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยด้วย
  3. มาร์กตา การมาร์กตาเป็นด้วยผักและผลไม้ที่มีความชุ่มชื่นและมีกรดอ่อน ๆ เช่น แตงกวา มะเขือเทศ แอปเปิ้ลเขียว เป็นต้นจะช่วยให้ผิวที่ขอบตามีความชุ่มชื่นและกระตุ้นการไหลเวียนเลือกบริเวณดังกล่าวให้ดีขึ้นด้วย นอกจากผักผลไม้ควรใช้ถุงชาแช่เย็นสลับในการมาร์กตาด้วย เพราะชามีสารแทนนินที่ช่วยลดอาการบวมขอบตาได้นั่นเอง
  4. รักษาอาการภูมิแพ้ สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ ควรดูแลตัวเองให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ และกินอาหารที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานของร่างกายเป็นประจำ หากมีอาการภูมิแพ้ควรรีบรักษาให้หาย เพื่อลดอาการขอบตาดำให้น้อยลง เพราะหากไม่เกิดอาการภูมิแพ้ ขอบตาก็จะไม่เกิดการระคายเคืองและเส้นเลือดไม่ขยายตัว ทำให้ขอบตาไม่ดำแน่นอน
  5. ฉีดฟิลเลอร์ การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปที่ใต้ผิวบริเวณใต้ตา ฟิลเลอร์จะเข้าไปทำให้ผิวหนังมีความหนาขึ้น ทำให้ไม่สามารถเห็นเส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังได้และปกปิดสีผิวตามธรรมชาติได้ ทำให้ขอบตามีสีอ่อนลงใกล้เคียงกับสีผิวส่วนอื่น ๆ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์สามารถลดอาการขอบตาดำจากพันธุกรรมและบังช่วยเติมขอบตาให้เรียบเนียนไม่เป็นร่องลึกได้ด้วย
  6. เลเซอร์ผิว เลเซอร์จะเข้าไปทำลายเม็ดสีผิวตามธรรมชาติให้ทำงานได้น้อยลง ส่งผลให้ผิวบริเวณขอบตามีสีอ่อนลง เหมาะกับคนที่มีขอบตาดำจากพันธุกรรม
  7. การปรับพฤติกรรม: ลดความเครียด, งดสูบบุหรี่, ลดการบริโภคแอลกอฮอล์, และดื่มน้ำเพียงพอ
  8. การดูแลผิว: ใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่มีวิตามิน C, K, E และเรตินอล ซึ่งสามารถช่วยลดขอบตาดำและตีบตะคริ่ม
  9. การนวดเบาๆ: นวดเบาๆ บริเวณรอบตาด้วยนิ้วโป้งเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  10. การใช้เย็น-ร้อน: ใช้แพ็คน้ำแข็งหรือถุงน้ำอุ่นทับบริเวณขอบตาดำเพื่อช่วยลดบวมและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  11. การยกขาขึ้น: ยกขาขึ้นเวลานอนเพื่อลดการสะสมของน้ำและเลือดใต้ตา
  12. การปรึกษาแพทย์: หากขอบตาดำเกิดจากภาวะเเพ้อากาศ หรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหารักษาที่เหมาะสม
  13. การรักษาเสริม: ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำการใช้เลเซอร์, เทคนิคกระตุ้นคลื่นเสียง, ฟิลเลอร์ หรือการใช้เคมีเปลือยผิว (chemical peels) ในการรักษาขอบตาดำ ซึ่งเหล่านี้ควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
  14. การป้องกันแสงแดด: ใช้ครีมกันแดดที่มีปัจจัยการป้องกันแสงอาทิตย์ (SPF) สูงขึ้น และสวมหมวกกันแดดหรือแว่นกันแดดเมื่ออยู่นอกบ้านเพื่อป้องกันผลกระทบของแสงแดดที่จะทำให้ผิวบางลง
  15. การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์: รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน โดยเน้นให้มีวิตามิน C, E, และเหล็ก เพื่อช่วยเสริมสร้างผิวหนัง

การรักษาขอบตาดำอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือนในการเห็นผล ดังนั้นควรมีความอดทนและต่อเนื่องในการดูแลตัวเอง อย่างไรก็ตาม หากขอบตาดำไม่ดีขึ้น หรือมีอาการผิดปกติเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยยืนยันสาเหตุและหารักษาที่เหมาะสม

คุณอาจสนใจเนื้อหาต่อไปนี้: 7 วิธีบอกลาริ้วรอยใต้ตา


การรักษาอาการขอบตาดำจะเห็นได้เลยว่าไม่ยากเลย หากคุณมีการดูแลตัวเองที่ดี หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็สามารถลดเลือนรอยคล้ำดำได้ด้วยเช่นกัน แต่ถ้าอยากเห็นผลอย่างรวดเร็วและชัดเจน การฉีดฟิลเลอร์ก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและเห็นผลชัดเจนที่สุดเช่นกัน แต่ต้องทำการดูแลและฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ที่สำคัญอย่าลืมทาครีมบำรุงด้วยเพราะมันช่วยบำรุงผิวที่ได้รับการฉีดฟิลเลอร์ได้ดีขึ้นและสามารถช่วยลดการอักเสบหรือฝ้าดำที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน นอกจากนี้ควรใช้มาร์กตาอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยบำรุงผิวหน้าและลดการบวมของดวงตาด้วย  นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และอย่าลืมเลือกใช้แว่นตาให้เข้ากับสายตาด้วย เพราะการใช้แว่นตาที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้การรักษาขอบตาดำไม่ได้ผลอย่างที่ต้องการ ด้วยวิธีการดูแลแบบนี้ ขอบตาคุณจะเรียบเนียนใสและไม่มีคล้ำ ใสปิ๊งแน่นอน


ที่มา