อะโวคาโด้ผลไม้สารพัดประโยชน์ดีต่อความงาม

7907 0

อะโวคาโด้ ผลไม้สารพัดประโยชน์ดีต่อความงาม

เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยเห็นผลไม้หน้ารูปร่างหน้าตาแปลกๆผิวมีลักษณะขรุขระเปลือกหนามีสีเขียวเข้มเมื่อสุกจัดจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงหรือออกดำแต่ทว่าเนื้อภายในกลับต่างกับรูปลักษณ์ภายนอกอย่างสิ้นเชิงเวลาที่เนื้อภายในสุกจะเป็นสีเขียวเนื้ออ่อนนุ่มรสชาติจะคล้ายคลึงกับเนยที่ได้มาจากนมวัวซึ่งผลไม้ชนิดนี้มีชื่อเรียกกันว่า“ อะโวคาโด้ ”

อะโวคาโด้เป็นผลไม้ที่มีถิ่นฐานมาจากแถบอเมริกาเหนือเม็กซิโกกัวเตมาลาและในหมู่เกาะเวสอินดิสผลอะโวคาโด้มักถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำอาหารทั้งในแถบอเมริกา, ยุโรปและมาในภายหลังก็เริ่มได้รับความนิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมของอาหารญี่ปุ่นมากขึ้นแต่สำหรับประเทศไทยเองช่วงแรกๆอะโวคาโด้ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไหร่นักด้วยรสชาติและกลิ่นไม่ค่อยถูกปากคนไทยเสียเท่าไหร่แถมนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารก็ค่อนข้างยุ่งยากแต่พอมาในช่วงหลังวัฒนธรรมการกินอาหารของคนไทยเริ่มเปลี่ยนไปเปิดรับมากขึ้นอะโวคาโด้จึงกลายมาเป็นที่นิยมเพราะเจ้าผลไม้เขียวๆนี้มีคุณประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเรื่องเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ, เสริมความงามและที่ถูกใจสาวๆสุดๆก็คือสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ผลดีอีกต่างหาก

คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านเลย  ริ้วรอยใต้ตา บอกลาได้ด้วย 7 วิธี

ไขมันใน อะโวคาโด้

ในกลุ่มผู้รักษาสุขภาพจะรู้ดีว่าไขมันคือตัวการสำคัญของการเกิดหลายโรคแต่ไม่ใช่กับในอะโวคาโด้เพราะถึงแม้ว่าในเนื้ออะโวคาโด้ 100 กรัมจะมีไขมันถึง 14.66 กรัมเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นๆจะมีปริมาณสูงมากกว่าซึ่งไขมันที่อยู่ในอะโวคาโด้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายๆคนคิดรวมทั้งไม่ได้ทำให้เราอ้วนขึ้นเหมือนกับไขมันประเภทอื่นๆนั่นเป็นเพราะไขมันในอะโวคาโด้คือไขมันชนิดไม่อิ่มตัวหรือเรียกว่าไขมันดี (HDL)​ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและยังช่วยลดไขมันตัวเลว (LDL)​ ได้อีกด้วยฉะนั้นเมื่อไขมันทั้งสองตัวเกิดความสมดุลก็จะมีผลต่อระบบการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจให้ทำงานในระดับที่ดีขึ้นไม่เพียงเท่านั้นอะโวคาโด้ยังจัดว่าเป็นผลไม้ที่สาวๆชื่นชอบมากๆเพราะสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ผลดีและในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานก็ทานอะโวคาโด้ได้ให้โปรตีนสูงกว่าผลไม้สดอื่นๆประมาณ 0.8 -​1.7% และยังมีกรดอะมิโนที่เป็นประโยชน์ต่อการช่วยย่อยโปรตีนดีขึ้นเรียกได้ว่าอะโวคาโด้เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง

อะโวคาโด้ผลไม้สารพัดประโยชน์ดีต่อความงาม

ประโยชน์ของอะโวคาโด้

อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นแล้วว่าอะโวคาโด้มีประโยชน์ต่อร่างกายนานัปการเหมาะสำหรับคนที่รักษาสุขภาพสุดๆเนื่องด้วยในอะโวคาโด้ประกอบไปด้วยสารอาหารจำพวกวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆอยู่มากมายที่ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายๆด้านอาทิ

  1. วิตามินเอและเบต้าเคโรทีน : มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา
  2. วิตามินบี : สามารถช่วยป้องกันโรคเหน็บชาและโรคปากนกกระจอก
  3. วิตามินซี : สามารถช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันและโรคหวัด
  4. โฟเลตสูง :เหมาะสำหรับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์เพราะโฟเลตเป็นสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อการสร้างเนื้อเยื่อและการเจริญเติบโตของทารกให้มีพัฒนาการที่แข็งแรงสมบูรณ์
  5. วิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระ : เป็นตัวช่วยให้ระบบเซลล์ต่างที่อยู่ในร่างกายแข็งแรงและทำงานได้ดีขึ้นลดไขมันอุดตันในเส้นเลือดแถมยังช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ถูทำลายจากมลพิษต่างๆจึงสามารถลดอัตราความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งทำให้ผิวสดใสอ่อนวัยกว่าวัย
  6. กรดไขมันดี (HDL)​ : เป็นชนิดที่ไม่อิ่มตัวแบบเดียวกันกับน้ำมันมะกอกจึงช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังป้องกันโรคหัวใจได้อีก
  7. สารแคโรทีนอยด์ต่างๆ : มีอยู่ในอะโวคาโด้มากถึง 11 ชนิดพบได้มากในบริเวณที่เนื้อเป็นสีเขียวเข้มติดกับเปลือก

คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านเลย  อิมัลชั่น คืออะไรเรื่องที่สาวๆควรรู้

วิธีปอกอะโวคาโด้อย่างไรให้สารอาหารไม่ถูกทำลาย

เนื่องจากอะโคาโด้เป็นผลไม้ที่มีรูปร่างลักษณะขรุขระเปลือกหนาหากผลยังไม่สุกจะมีสีเขียวเข้มแข็งแต่เมื่อเนื้อสุกพร้อมกินจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มหรือดำฉะนั้นเวลาปอกจึงอาจจะต้องมีวิธีสักหน่อยเพื่อป้องกันไม่ให้สารอาหารที่มีปรโยชน์ถูกทำลาย

  1. นำมีดมาผ่าครึ่งด้วยการใช้มีดกดลงตามแนวยาวจนมีดสัมผัสกับเม็ดจากนั้นให้ดันมีดออกไปรอบๆ
  2. ใช้มือทั้งสองข้างค่อยๆบิดอะโวคาโด้ให้เนื้อหลุดแยกออกจากกัน
  3. ใช้มีดสับลงไปบนเมล็ดแบบเบาๆโดนให้มีดติดเมล็ดพร้อมกับบิดมีดให้เมล็ดหลุดติดมีดขึ้นมา
  4. ผ่าครึ่งลงไปที่เนื้ออะโวคาโด้อีกครั้ง
  5. ขั้นตอนสุดท้ายให้ใช้มือดึงเอาเปลือกอะโวคาโด้ออกมาแทนการใช้ช้อนขูด

เก็บอะโวคาโด้อย่างไรไม่ให้เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ

ผลไม้ส่วนใหญ่เมื่อปอกทิ้งไว้สีของผลไม้จะเปลี่ยนเป็นสีคล้ำหรือค่อยๆดำถึงแม้จะแช่เก็บไว้ในตู้เย็นแล้วก็ตามสีของเนื้อผลไม้ก็ยังจะกลายเป็นสีน้ำตาลไม่เว้นแม้แต่อะโวคาโด้นั่นเป็นเพราะผลไม้จะเกิดปฎิกิริยาออกซิเดชั่นที่เกิดขึ้นมาจากสารประกอบในอะโวคาโด้หรือที่เรียกว่าฟินอลเจอเข้ากับอากาศปรับเปลี่ยนเป็นสารประกอบชื่อควิโนนหลังจากที่ควิโนนจับตัวกันเป็นโพลีเมอร์ที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ขึ้นสุดท้ายก็เกิดเป็นเม็ดสี“เมลานิน”ได้นั่นเองดังนั้นใครที่ปอกอะโวคาโด้แล้วยังไม่รับประทานในทันทีคงต้องรู้วิธีเก็บให้ถูกต้องเพื่อที่อะโวคาโด้ไม่เปลี่ยนเป็นสีคล้ำ

  1. เมื่อปอกเนื้ออะโวคาโด้ออกมาแล้วให้บีบน้ำมะนาวลงไปให้ทั่วเพื่อเคลือบลงไปบนเนื้ออะโวคาโด้
  2. แล้วนำไปใส่ไว้ในกล่องหรือถุงเก็บสุญญากาศจากนั้นก็แช่ไว้ในตู้เย็น

วิธีรับประทานอะโวคาโด้

การรับประทานผลไม้เป็นเรื่องที่ดีแต่ไม่ควรทานมากเกินไปโดยเฉพาะอะโวคาโด้ซึ่งเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูงเหมือนกับผลไม้ประเภทอื่นๆแนะนำว่าควรทานแต่พอดีและควรทานควบคู่ไปกับอาหารอื่นๆเพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน

เวลารับประทานให้เลือกผลที่สุกแล้วเพราะการทานผลที่ยังดิบเป็นสีเขียวอยู่จะได้รสชาติขมและอาจทำให้เกิดอาการปวดหัวร่วมด้วยนอกจากนั้นควรทานในปริมาณครั้งละไม่เกินครึ่งผลหรือมากสุดคือไม่เกิน 1 ผลต่อวันเพราะหากรับประทานมากเกินกว่านี้จะส่งผลให้ร่างกายได้รับพลังงานสูงเช่นกันส่วนวิธีรับประทานก็มีหลากหลายวิธีทั้งตักทานแบบสดๆ, นำมาใส่ผสมกับสลัดชามโปรด, ใส่ในข้าวปั้นสไตล์ญี่ปุ่นหรือรับประทานเป็นของหวานก็ได้อาทิทานคู่กับไอศกรีม, ปั่นเป็นน้ำ, ทาลงขนมปังเพิ่มรสชาติด้วยการโรยเกลือเล็กน้อยรับรองว่าได้วามอร่อยไม่แพ้เนยที่ได้จากนมวัวเลยทีเดียว

สำหรับประโยชน์ของอะโวคาโด้ไม่ได้แค่ช่วยบำรุงสุขภาพร่างกายเท่านั้นข้อดีอีกอย่างที่เชื่อว่าต้องถูกใจสาวๆอย่างแน่นอนก็คือสรรพคุณของอะโวคาโด้ยังสามารถนำไปปรนิบัติผิวให้สวยงามผ่องใสแลดูอ่อนกว่าวัยมากขึ้นโดยเฉพาะสาวๆที่ต้องการเสริมความงามชนิดหัวจรดเท้าแบบไม่ต้องเสียเงินไปเข้าคลินิกจ่ายเงินราคาแพงๆซึ่งในวันนี้เราได้รวบรวมทั้งสูตรมาก์สหน้า, พอกผิว,บำรุงผมให้เงางามและสครับผิวด้วยอะโวคาโด้มาฝากกันคะ

อะโวคาโด้ผลไม้สารพัดประโยชน์ดีต่อความงาม

  1. หมดปัญหาดวงตาหมองคล้ำไม่สดใส
  • นำอะโวคาโด้มาฝานให้เป็นแผ่นบางๆแล้วนำมาแปะทิ้งไว้บนเปลือกตาทั้งสองข้างใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีแล้วค่อยๆเอาออกเหมาะสำหรับสาวๆที่มักมีปัญหาเรื่องดวงตาหมองคล้ำไม่สดใสยิ่งเป็นสาวๆที่ชอบนอนดึกรับรองว่าสูตรนี้ช่วยได้สุดๆเลยล่ะ
  1. มาส์กหน้าช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น
  • ใครที่ประสบปัญหาผิวแห้งหยาบกร้านไม่ชุ่มชื้นแนะนำว่าควรใช้อะโวคาโด้มาส์กลงไปที่บนใบหน้าด้วยการนำเนื้ออะโวคาโด้ประมาณครึ่งผลมาบดจนได้เป็นเนื้อละเอียดหลังจากนั้นก็นำไปมาส์กหน้าประมาณ10 –​ 15 นาทีแล้วใช้น้ำอุ่นล้างให้สะอาดปิดท้ายด้วยน้ำเย็นอีกครั้งแค่นี้ผิวก็จะนุ่มเนียนขึ้นหมั่นทำเป็นประจำปัญหาเรื่องผิวแห้งก็จะหมดไปในทันที
  1. ใช้บำรุงผมให้สวยเงางาม
  • เลือกผลอะโวคาโด้ลูกขนาดกลางๆมา 1 ผลผ่าครึ่งพร้อมกับคว้านเอาเมล็ดออกหลังจากนั้นก็ใช้ส้อมบดลงไปให้เละแล้วบดลงบนตะแกรงอีกครั้งเพื่อช่วยให้ได้เนื้อที่ละเอียดมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้เนื้อละเอียดจนพอใจแล้วก็นำไปผสมกับไข่แดง1ฟองและน้ำมันมะกอก½ช้อนชาคนผสมให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วนำไปหมักผมประมาณ25นาทีเมื่อครบเวลาก็ให้ล้างออกด้วยยาสระผมและครีมนวดบำรุงผมเหมือนปกติคุณก็จะพบว่าผมนุ่มสลวยเงางามน่าสัมผัสสุดๆเลย
  1. เพิ่มมอยส์เจอไรเซอร์ให้กับผิว
  • นอกจากจะใช้อะโวคาโด้ในการมาส์กหน้าแล้วเปลือกของอะโวคาโด้เองก็มีประโยชน์สามารถนำมาใช้บำรุงผิวได้อีกด้วยโดยหลังจากเราทานเนื้ออะโวคาโด้ไปหมดแล้วก็ให้นำเอาเปลือกด้านในมาถูลงไปบนผิวหน้าที่ผ่านการล้างจนสะอาดแล้วจากนั้นก็ทิ้งไว้ประมาณ15 นาทีเป็นอย่างต่ำแล้วจึงใช้น้ำอุ่นล้างตบท้ายด้วยน้ำเย็นอีกครั้งสำหรับสูตรนี้นอกจากจะใช้กับผิวหน้าแล้วยังสามารถถูลงไปตามจุดที่หยาบแห้งกร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
  1. ลดเลือนริ้วรอยด่างดำและลดสิว
  • สิวปัญหาหนักอกหนักใจของสาวๆเกือบทุกคนที่ต้องกลุ้มอกกลุ้มใจแต่ปัญหานี้หมดไปด้วยอะโวคาโด้ที่มีสรรพคุณรักษาและป้องกันด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจึงทำให้สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียโดยนำน้ำมันอะโวคาโด้มานวดวนลงไปเบาๆบนใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วใช้ผ้าขนนหนูซับน้ำอุ่นมาเข็ดลงไปอย่างเบามือก็ช่วยให้หน้าใสไร้สิวได้แล้วล่ะ
  1. สครับมือเนียนนุ่ม
  • ไหนๆจะสวยให้จรดปลายเท้าแล้วก็เพิ่มสครับผิวมือที่แห้งกร้านให้เนียนนุ่มด้วยการนำเอาอะโวคาโด้½ลูกมาบดให้ได้เนื้อละเอียดจากนั้นก็นำข้าวโอ๊ตบดหยาบประมาณ3-4 ช้อนโต๊ะมาผสมเข้ากับเนื้ออะโวคาโด้ตามด้วยใส่ไข่ขาวลงไป 1 ฟองและน้ำมะนาวอีก 1 ช้อนชาเมื่อผสมทุกอย่างจนเข้ากันแล้วก็นำมาสครับผิวมือให้ทั่วแล้วทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วค่อยล้างมือให้สะอาดซับมือให้แห้งทาแฮนด์ครีมบำรุงเข้าไปอีกครั้ง

เป็นอย่างไรกันบ้างกับผลอะโวคาโด้เพียงแค่ลูกเดียวก็สามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้มากมายมหาศาลเพราะใช้ได้ทั้งรับประทานเพื่อบำรุงสุขภาพและประโยชน์ของอะโวคาโด้ยังนำมาช่วยเสริมความงามให้กับสาวๆอีกด้วยฉะนั้นสาวๆคนไหนที่อยากสวยตามแบบฉบับธรรมชาติอย่างง่ายๆก็ลองใช้เคล็ดลับเสริมความงามที่เราแนะนำกันในข้างต้นไปปรับใช้กันดูรับรองได้ว่างานนี้สาวๆได้สวยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างแน่นอนแต่ที่สำคัญอย่ารับประทานมากจนเกินไปเพราะจะส่งผลให้ร่างกายต้องรับพลังงานสูงเกินกว่าความจำเป็นของร่างกายแถมราคาอะโวคาโด้ก็ราคาค่อนข้างแพงจึงไม่เป็นมิตรต่อกระเป๋าเท่าไหร่ใช่มั้ยล่ะคะ..